<?php
require_once('AES.php');
// กำหนด API Passkey
define('API_PASSKEY', 'กำหนด Passkey ของท่านที่นี่');
if($_SERVER['REMOTE_ADDR'] == '203.146.127.115' && isset($_GET['request']))
{
$aes = new Crypt_AES();
$aes->setKey(API_PASSKEY);
$_GET['request'] = base64_decode(strtr($_GET['request'], '-_,', '+/='));
$_GET['request'] = $aes->decrypt($_GET['request']);
if($_GET['request'] != false)
{
parse_str($_GET['request'],$request);
$request['Ref1'] = base64_decode($request['Ref1']);
// เริ่มต้นการทำงานของระบบของท่าน
เขียนโค้ดของท่านที่นี่
// สิ้นสุดการทำงานของระบบของท่าน
echo 'SUCCEED';
}
else
{
echo 'ERROR|INVALID_PASSKEY';
}
}
else
{
echo 'ERROR|ACCESS_DENIED';
}
?>
หมายเหตุ
- require_once('AES.php'); เป็นการเรียกใช้ Module AES
- API_PASSKEY ให้กำหนด API Passkey ตามที่ท่านได้บันทึกไว้ในหน้า ตั้งค่าการเติมเงิน
ในส่วนของการเขียนโค้ด ระบบจะมีการส่งข้อมูลโดยมีการเข้ารหัสด้วย API Passkey ที่ท่านได้กำหนดไว้
หลังจากที่สคริปได้ทำการถอดรหัสเรียบร้อยแล้ว จะได้ตัวแปรดังนี้
- $request['Ref1'] คือ Ref.1 ที่ลูกค้าได้ระบุไว้ตอนทำรายการเติมเงิน ซึ่งจะมีการเข้ารหัส Base64 เอาไว้ ท่านจะต้องใช้ base64_decode() เพื่อถอดรหัสข้อมูลก่อน
- $request['Ref2'] คือ Ref.2 ที่ลูกค้าได้ระบุไว้ตอนทำรายการเติมเงิน ซึ่งจะมีการเข้ารหัส Base64 เอาไว้ ท่านจะต้องใช้ base64_decode() เพื่อถอดรหัสข้อมูลก่อน
- $request['Ref3'] คือ Ref.3 ที่ลูกค้าได้ระบุไว้ตอนทำรายการเติมเงิน ซึ่งจะมีการเข้ารหัส Base64 เอาไว้ ท่านจะต้องใช้ base64_decode() เพื่อถอดรหัสข้อมูลก่อน
- $request['TXID'] คือ Transaction ID (ใช้เผื่ออ้างอิง)
- $request['cashcard_password'] คือ รหัสบัตรเงินสด 14 หลัก
- $request['cashcard_amount'] คือ มูลค่าบัตรเงินสด
- $request['client_ip'] คือ IP ของลูกค้า ที่ทำรายการเติมเงิน
ซึ่งท่านสามารถที่จะนำตัวแปรเหล่านี้ไปใช้กับระบบของท่านได้ทันที
require_once('AES.php');
// กำหนด API Passkey
define('API_PASSKEY', 'กำหนด Passkey ของท่านที่นี่');
if($_SERVER['REMOTE_ADDR'] == '203.146.127.115' && isset($_GET['request']))
{
$aes = new Crypt_AES();
$aes->setKey(API_PASSKEY);
$_GET['request'] = base64_decode(strtr($_GET['request'], '-_,', '+/='));
$_GET['request'] = $aes->decrypt($_GET['request']);
if($_GET['request'] != false)
{
parse_str($_GET['request'],$request);
$request['Ref1'] = base64_decode($request['Ref1']);
// เริ่มต้นการทำงานของระบบของท่าน
เขียนโค้ดของท่านที่นี่
// สิ้นสุดการทำงานของระบบของท่าน
echo 'SUCCEED';
}
else
{
echo 'ERROR|INVALID_PASSKEY';
}
}
else
{
echo 'ERROR|ACCESS_DENIED';
}
?>
หมายเหตุ
- require_once('AES.php'); เป็นการเรียกใช้ Module AES
- API_PASSKEY ให้กำหนด API Passkey ตามที่ท่านได้บันทึกไว้ในหน้า ตั้งค่าการเติมเงิน
ในส่วนของการเขียนโค้ด ระบบจะมีการส่งข้อมูลโดยมีการเข้ารหัสด้วย API Passkey ที่ท่านได้กำหนดไว้
หลังจากที่สคริปได้ทำการถอดรหัสเรียบร้อยแล้ว จะได้ตัวแปรดังนี้
- $request['Ref1'] คือ Ref.1 ที่ลูกค้าได้ระบุไว้ตอนทำรายการเติมเงิน ซึ่งจะมีการเข้ารหัส Base64 เอาไว้ ท่านจะต้องใช้ base64_decode() เพื่อถอดรหัสข้อมูลก่อน
- $request['Ref2'] คือ Ref.2 ที่ลูกค้าได้ระบุไว้ตอนทำรายการเติมเงิน ซึ่งจะมีการเข้ารหัส Base64 เอาไว้ ท่านจะต้องใช้ base64_decode() เพื่อถอดรหัสข้อมูลก่อน
- $request['Ref3'] คือ Ref.3 ที่ลูกค้าได้ระบุไว้ตอนทำรายการเติมเงิน ซึ่งจะมีการเข้ารหัส Base64 เอาไว้ ท่านจะต้องใช้ base64_decode() เพื่อถอดรหัสข้อมูลก่อน
- $request['TXID'] คือ Transaction ID (ใช้เผื่ออ้างอิง)
- $request['cashcard_password'] คือ รหัสบัตรเงินสด 14 หลัก
- $request['cashcard_amount'] คือ มูลค่าบัตรเงินสด
- $request['client_ip'] คือ IP ของลูกค้า ที่ทำรายการเติมเงิน
ซึ่งท่านสามารถที่จะนำตัวแปรเหล่านี้ไปใช้กับระบบของท่านได้ทันที
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น